จอมบึง เส้นทางแห่งเนิน ที่มีลักษณะเหมือนเส้นทาง PBP (PARIS BREST PARIS)
หลังจากที่นักปั่นชาวไทยได้ไปปั่น PBP กัน แต่จำนวนคนที่จบน้อยกว่าที่คาดกันไว้ ผู้จัด Audax ก็ได้เพิ่มและปรับเปลี่ยนเส้นทางให้มี เขาและเนินเยอะๆ จะได้มีเส้นทางที่คล้ายกับเส้นทาง PBP ให้นักปั่นไทยได้ฝึกซ้อมเพื่อไปแก้มือ PBP ในอีก 4ปีข้างหน้า Audax200จอมบึงก็เป็นหนึ่งในเส้นทางนั้น
เมื่อได้รู้อย่างนี้ ผมหูผึ่งเลยครับ แหม ได้ปั่นจักรยานอารมณ์เดียวกับปั่น PBP แต่ไปแค่ อ.จอมบึง ราชบุรี แค่นี้เอง พลาดได้ไง ทั้งๆที่ตัวเองขาอ่อนสุดๆ แต่ก็สมัครไปครับ หลังสมัครก็ซ้อมนิดหน่อย เพราะฝนตกตลอด + กินกล้วยหอมเพื่อช่วยป้องกันตะคริว (เห็นนักปั่น ตูร์ เดอ ฟรองค์ เค้ากินกัน :D)
วันศุกร์ 18 กันยายน 2558 ผมออกเดินทางไปค้างคืนที่มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง แต่ที่พักในอำเภอเต็มหมดแล้ว โชคดีที่อาจารย์อนุญาตให้ผูกเปลนอน ในศาลาริมน้ำใกล้ๆกับสระว่ายน้ำได้ หลังจากกินข้าวเย็นอาบน้ำ นอนฟังเสียงฝนตั้งแต่ 1 ทุ่ม หลับไป ตื่นมาอีกทีเที่ยงคืน ฝนยังไม่หยุดเลย นึกหนาวๆในใจ ถ้าพรุ่งฝนตกไม่หยุดลำบากแน่ แต่อุตุก็พยากรณ์ว่าพายุหว่ามก๋อน่าจะหมดวันนี้แหละ หวังว่าคงเป็นเช่นนั้น
19 กันยายน 2558 ผมตื่นเช้าขึ้นมาเตรียมตัวตั้งแต่ตี 5 ทำโน่นทำนี่กว่าจะลงทะเบียนก็เกือบ 7 โมงเช้า เจอเพื่อนทีม Very 40 พร้อมกับผู้จัดการทีมที่จุดสตาร์ท ผมบอกเพื่อนว่าไม่ต้องรอนะ เอาเข้าจริงไม่ต้องบอกก็ได้ เพราะรู้กันว่าผมไม่เคยตามเพื่อนทันอยู่แล้ว
เริ่มออกปั่น 7 โมงเช้า โชคดีที่วันนี้ฝนหยุดตกแล้ว อากาศครึ้มๆไม่ร้อน เส้นทางไปอำเภอสวนผึ้ง ทางเป็นเนินยาว แต่ไม่ชันมากนัก ยังสามารถปั่นทำความเร็วได้สบายสบาย เกาะกลุ่มกันไป จนถึงกม. ที่ 47.5 เนินหินกอง-แก่งส้มแมว ความชัน 12% เป็นจุดแรกที่เริ่มมีคนจูงจักรยาน ผมเห็นแล้วไม่รีรอเลยครับ ลงจักรยานมาเข็นจักรยานด้วยทันที เพราะไม่อยากเสี่ยงกับตะคริว ปั่นบ้างเข็นบ้างจนถึง CP1 ครัว ส.จ. เวลา 10.14 ก่อนเวลาปิด 37 นาที เริ่มรู้สึกตัวแล้วครับว่าลำบากแน่วันนี้ แต่ยังไงก็ต้องสู้ต่อไป ก่อนอื่นเติมพลังไว้ก่อน เลยสั่งข้าวกระเพราหมูสับไข่ดาวมากิน ทาน้ำมันมวยแล้วออกไปปั่นต่อครับ
ปั่นขึ้นเนินไปเรื่อย ตะคริวก็มาจนได้ครับ อุตส่าห์กินกล้วยมาเยอะแล้วนะเนี่ย ทำให้ช่วงขึ้นเนินผมต้องลงเข็นตลอด แม้จะเข็นนาน แต่ช่วงลงเนินก็มันจริงๆ แม้จะแค่แป๊ปเดียวก็เถอะ สามารถทำความเร็วได้เกิน 55 กม./ชั่วโมงเลย ถ้าไม่ต้องระวังทางโค้งน่าจะเร็วได้อีก แต่ยังไงก็ขอให้ทุกคนปลอดภัยไว้ก่อน โค้งที่เรามองไม่เห็นทางข้างหน้า ยังไงก็ต้องเบรคชะลอความเร็วหน่อย
หลังจากผ่านเนินอูหลงลงมาที่กม. 67 ถึง ก็เป็นทางราบให้ได้พักเหนื่อย ผ่านโรงเรียนสินแร่สยามพอเลี้ยวซ้ายที่กม. 68 เข้าถนน 4019 เนินก็มาอีกแล้ว ยาวเป็นกิโลกิโล ผมหยุดพักริมทางและจูงจักรยานเป็นระยะๆ สักพักปั่นสวนกับฝรั่งคนแรกที่ กม.70 กว่าๆ ตอนแรกนึกในใจเขามาปั่นเที่ยวมั้ง เห็นยิ้มตอบสดใสมาก อีกพักใหญ่ๆ สวนกับกลุ่มนักปั่นไทย ไม่ใช่แล้ว นี่พักกินข้าว กินน้ำกันมั่งไหมเนี่ย – -‘ เพราะกลุ่มนำน่าจะนำผมอยู่ไม่ต่ำกว่า 40 กิโลเมตร
ผมพาตัวเองไปถึงรีสอร์Aristo ประมาณเที่ยงนิดๆ จุดนี้มีเพื่อนนักปั่นเอาจักรยานขึ้นฟอร์จูนเนอร์ที่เพื่อนสาวมารับกลับ น่าอิจฉาจริงๆ ตัวผมเองก็คิดว่าจะเอายังไงดี เพราะรู้ตัวว่ายังไงก็เข้า CP2 ไม่ทันแล้วแน่ เส้นทางข้างหน้าชันกว่าที่ผ่านมามาก ระหว่างถ่ายรูปพักเหนื่อย ก็มีทีมงานขับรถตู้มาจอดที่รีสอร์ท พร้อมบอกกับผมว่าไม่น่าจะทันแล้วน้อง กลับตัวตอนนี้เลยดีกว่า เพราะถ้ามืดบนเขาจะอันตรายมาก เหมือนเสียงสวรรค์เลย ตัดสินใจปั่นกลับอย่างไม่ลังเล เพราะจริงๆก็จะเป็นลมอยู่แล้ว
ผมทั้งปั่นทั้งเข็นจักรยานกลับมาถึง CP3 ซึ่งเป็นจุดเดียวกับ CP1 เวลา 16.11 ก่อนเวลาปิดแค่ 50 นาที ขนาดกลับตัวก่อนนะเนี่ย เหมือนเคยครับ ต้องเติมพลังเพิ่ม สั่งกระเพราหมูสับไข่ดาวมากินเหมือนเคย ทาน้ำมันมวยแล้วไปต่อครับ
ปั่นลงเขาเข้าตัวอำเภอสวนผึ้งก็เหลือแค่ 30 โลสุดท้าย ผมคิดว่าสบายแล้ว แต่ที่ไหนได้ปั่นไปเรื่อยๆ รู้สึกทางมันไกลจริงๆ เนินย้าวยาวจนต้องลงมาจูงจักรยาน ยังนึกในใจว่า เชรด นี่มันทางเดียวกันกับตอนมาแน่นะ ช่วงสุดท้ายจูงจักรยานมืด ๆ ทุกคนที่ปั่นแซงแม้กระทั่งมอเตอร์ไซค์ ยังกลับรถมาถามว่าจักรยานเป็นอะไรไหม ได้แต่ตอบไปว่า ไม่เป็นไรคร้าบ แต่คนหมดแรงจริงๆ ทุกคนคงงงครับเพราะมันไม่ชันเลย หายเหมื่อยหายเหนื่อยก็ปั่นต่อไปตามทางมืดๆ ที่มีเสียงแมลงเหมือนนาฬิกาปลุกร้องเป็นเพื่อนตลอดทาง (เพื่อนนักปั่นที่แซงไปก็บอกว่า เสียงเหมือนนาฬิกาปลุกเลยเนอะ) สุดท้ายผมก็พาตัวเองแบบหมดแรงข้าวกระเพราเข้า CP สุดท้ายได้ที่เวลา 20.20 น. นี่ถ้าไม่กลับตัวก่อนคงถึงเที่ยงคืน ไม่ก็นอนกลางทางล่ะครับ – -‘
สรุปทริปนี้สำหรับผม แม้จะปั่นได้แค่ 153.30 กิโลเมตร แต่ก็รู้สึกว่าเข้าใจคนไป PBP ว่ารู้สึกยังไง เวลาเจอเนินรัวๆเนินเล็กแต่ยาวๆ ซึ่งจะกลายเป็นภูเขาลูกใหญ่ในที่สุด ขาดแต่ก็ความหนาวเท่านั้น ถ้าAudax จัดทริปนี้ตอนเดือนมกราคมก็น่าจะใกล้เคียงเลย
เพื่อนผมอำนวยAmnuay Opassetthakul ก็มีบทสรุปสั้นๆไว้ว่า
“ใครอยากทดสอบใจตัวเองควรมา ใครชอบวิวสวยควรมา ใครอยากฝึกปีนเขาควรมา ทุกแบบควรคิดไว้บ้างว่าถ้าไม่ไหวจะกลับยังไง และ ถ้าเขาจัดช่วงฤดูร้อนไม่ควรมาทุกกรณีครับ ^^ “
ขอขอบคุณทีมงานผู้จัดทุกท่านและตำรวจที่ช่วยอำนวยความสะดวกตามเส้นทางครับ