สมาร์ทวอทช์ pebble, Sony SmartWatch 2 ,Apple Watch เทรนด์ใหม่ของนาฬิกา?
อุปกรณ์ไอทีที่น่าใช้น่าสนใจในตอนนี้ ผมยกให้ Smart Watch สำหรับคนที่ใส่นาฬิกาประจำอยู่แล้ว มันมีราคาพอๆกับนาฬิกาที่คุณมีอยู่บางเรือน แต่มันทำได้มากกว่าแค่ดูเวลา โดยมันสามารถควบคุมโทรศัพทฺ์จากระยะไกลเพื่อรับสายหรือโทรออกได้ เมื่อมีสายเข้าคุณสามารถดูจากหน้าจอ Smart Watch ได้ว่าใครโทรมา แจ้งเตือนข้อความ, อีเมล, ปฏิทิน แจ้งเตือน Facebook, Twitter,mai,Line และอื่นๆ อีกมาก
ในเวลานี้ในเมืองไทยสามารถหาซื้อ Smart Watch รุ่นไหนได้บ้าง มีสเปค(specification)อย่างไร ลองมาดูกันครับ
1. pebble
pebble เกิดและเติบโตขึ้นมาจากการเป็นโปรเจ็กต์ระดมทุนบนเว็บไซต์ชื่อดังอย่าง kickstarter.com เวบสำหรับการนำไอเดียสร้างสรรค์ไปขอทุนจากคนออนไลน์ทั่วโลก โดย pebble สร้างประวัติการณ์ด้วยการระดมทุนได้มากกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากนั้นก็เกิด pebble ขึ้นมาให้เราได้ซื้อมาใช้กันนี่ล่ะครับ
สเปคเบื้องต้นของ pebble มีดังนี้
- หน้าจอขนาด 144 x 168 pixel และเป็นสี black หรือ white e-paper
- ใช้สัญญาณ Bluetooth 2.1+ EDR และ 4.0 (ประหยัดพลังงาน)
- Vibrating motor สั่นได้
- มีเซนเซอร์ Ambient light, Gyroscope และ 3 Axis accelerometer
- มีเข็มทิศดิจิตอล E-Compass
- กันน้ำได้ มาตรฐาน 5 ATM ทนแรงดันน้ำได้ประมาณ 40 เมตร (ล้างมือ, ฝนตก, ล้างรถ, อาบน้ำ, ว่ายน้ำ)
- ใช้งานได้ทั้ง iOS และ Android
- Battery ใช้ได้ 5-7 วัน
ตอนนี้ pebble ได้รับความนิยมมากมีแอพพลิเคชั่นสนับสนุน ทั้งตกแต่งหน้าจอ แอพแผนที่นำทาง Runtastic Pro เกมและแอพยอดนิยมสำหรับ pebble อีกมากมาย
pebble มีจำหน่ายที่ iStudio iBeat และ LAZADA.CO.TH ราคาประมาณ 5,990 บาท
ดูรีวิวเกี่ยว pebble
2. Sony SmartWatch 2
ทาง Sony ได้ชื่อว่าเป็นผู้ผลิต Smart Watch ตัวแรกของโลกที่ใช้ร่วมกับระบบ แอนดรอยด์ พร้อมเทคโนโลยี One-touch NFC
สเปคเบื้องต้นของ Sony SmartWatch 2 มีดังนี้
- ขนาด 42 x 9 x 41 มม. น้ำหนักรวมสายรัด 122.5 กรัม
- จอ LCD แบบทรานส์เฟลคทีฟ 1.6 นิ้ว พิกเซล: 220×176
- ชาร์จด้วย micro USB
- วัสดุ: อะลูมิเนียม (ตัวเครื่อง) และสายรัดข้อมือซิลิโคน/หรือเหล็กสเตนเลส
- มีระบบกันน้ำและกันฝุ่นตามมาตรฐานการป้องกัน IP57
- ทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตที่ใช้แอนดรอยด์ 4.0 ขึ้นไป
- Battery ใช้ได้ประมาณ 4 วัน
แอปพลิเคชัน/โปรแกรมเสริมพร้อมใช้งาน
- การจัดการสายเรียกเข้า (การรับสาย* ปฏิเสธ ปิดเสียง ปรับระดับเสียง),การแจ้งสายที่ไม่ได้รับ
- SMS/MMS,อีเมล**,Facebook,Twitter
- ส่วนขยายรีโมตเพลง/การจัดการเพลง
- ปฏิทิน,Calendar reminder
- สไลด์โชว์,Walkmate,Runtastic
ราคาปัจจุบันประมาณ 4,000 บาท
คลิ๊กเพื่อดูข้อมูล Sony SmartWatch 2 จากเวบ Sony
รีวิวเกี่ยวกับ Sony SmartWatch 2
3. Samsung Gear 2 Neo
หลังจากประสบความล้มเหลวกับ Smart Watch รุ่นแรก ด้วยราคาที่สูงเกินไป แถมไม่กันน้ำ แบตก็หมดไว ทาง Samsung ก็แก้ตัวโดยส่ง Smart Watch รุ่นที่สองออกมาถึง 3 รุ่นประกอบด้วย Gear 2, Gear 2 Neo และ Gear Fit
ขอยกรุ่นที่ราคาใกล้เคียงกับคู่แข่งคือ Gear 2 Neo มาเทียบกันนะครับ
สเปคเบื้องต้นของ Samsung Gear 2 Neo มีดังนี้
- ขนาดหน้าจอ 1.63 นิ้ว ความละเอียดระดับ Super AMOLED
- ตัวเรือนทำจากพลาสติก
- ได้รับมาตรฐาน IP67 ที่รับประกันเรื่องอุปกรณ์เปียกน้ำ และฝุ่นเข้าเครื่อง
- Accelerometer, Gyroscope, เซ็นเซอร์ตรวจจับการเต้นของหัวใจ และ IrLED
- ระดับการใช้งานปกติ : แบตเตอรี่สามารถใช้งานติดต่อ 2- 3 วันต่อการชาร์ต 1 ครั้ง
- ระดับการใช้งานน้อย : แบตเตอรี่สามารถอยู่ได้นาน 6 วันต่อการชาร์ต 1 ครั้ง
- Bluetooth 4.0 LE
ในตอนนี้ Samsung Gear 2 Neo สามารถใช้งานร่วมกับมือถือของ Samsung เท่านั้น
Samsung Gear 2 Neo นอกจากตกแต่งหน้าจอได้แล้ว ยังสามารถโทรออก รับสาย และอ่านข้อความต่างๆ ได้ รวมทั้งรับข้อความแจ้งเตือน
จากโทรศัพท์ และแอพลิเคชั่นอื่นๆ อัตโนมัติ
ราคาขายปัจจุบันประมาณ 5,900 บาท
คลิ๊กเพื่อดูข้อมูล Gear 2 Neo จากเวบ Samsung
Smart Watch จาก Apple และ Google
อนาคตของตลาด Smart Watch ดูค่อนข้างสดใส และจะยิ่งร้อนแรงเมื่อยักษ์ใหญ่ไอทีอย่าง Google และ Apple ลงสนามครับ โดย Google ได้พัฒนาระบบปฏิบัติการ Android Wear มุ่งไปที่การจัดการ+ปรับปรุงเรื่องอัพเดทข้อมูลโซเชียล เช่น การแจ้งเตือนข้อความแชท, การช้อปปิ้ง, ข่าวสาร, การใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ รวมถึงการใช้งานด้วยเสียง Google Now ได้อีกด้วย โดยมีผู้ผลิตหลายรายร่วมมือกับ Google ทั้ง Asus, HTC, LG, Motorola, Samsung ในการใช้ Android Wear ผลิต Smart Watch ซึ่งขณะนี้มีจำหน่ายที่ต่างประเทศแล้ว 2 รุ่นคือ Samsung Gear Live, LG G Watch
แต่ที่น่าสนใจคือ MOTO 360 จาก Motorola ซึ่ง Google ได้ซื้อกิจการมาและมีกำหนดจะขายเร็วๆนี้
สเปกเบื้องต้น ของ MOTO 360 ที่น่าจะเป็นไปได้มีดังนี้
- หน้าจอ LCD Backlit ทัชสกรีนขนาด 1.5 นิ้ว Gorilla Glass 3
- กันน้ำ(ลึก 3.3 ฟุต ประมาณ 30 นาที)
- built-in optical heart rate monitor (PPG),pedometer
- Bluetooth 4.0 support
- ใช้งานกับ Android 4.3 Jelly Bean or higher
- สั่งงานด้วยเสียงได้
ราคาประมาณเบื้องต้น 7000- 9000 บาท
หลังจากคาดเดากันมานานว่า Apple จะใช้ชื่อ iWatch หรือ iTime ล่าสุด Apple ก็ได้เปิดตัว Apple Watch ที่มาพร้อมกับเซนเซอร์ต่างๆแบบครบครัน รวมทั้งรองรับการใช้งานด้วยเสียงอีกด้วย ที่ผมชอบคือฟีเจอร์การสื่อสารด้วยรูปภาพ เสียงหัวใจ และรองรับการใช้งานแทนบัตรเครดิต (เฉพาะในอเมริกาก่อน เมืองไทยก็น่าจะได้ใช้นะครับ แต่เมื่อไรไม่รู้)
ต้องมาดูกันว่าแอปเปิลจะสร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆให้กับการใช้งานนาฬิกาเหมือนที่ได้สร้างมาแล้วกับโทรศัพท์มือถือได้หรือไม่ อีกไม่นานแล้วครับ กำหนดขายApple Watch ต้นปี 2015 นี่เอง
Apple Watch มีทั้งตัวเรือนสเตนเลสและอลูมิเนียม มีสายหลายรูปแบบ รองรับการใช้งานทั่วไปและ ด้านกีฬา
รองรับการใช้งานด้านกีฬา ทั้งวัดการเต้นของหัวใจ การเผาผลาญแคลลอรี่ แอคทิวิตี้ต่าง
รองรับการสื่อสารแบบต่างๆ
คาดว่าจะมีแอพสนับสนุนการใช้งานอีกมากมาย
รองรับการจ่ายเงินทางอิเล็กทรอนิคส์ ใช้แทนบัตรเดบิต บัตรเครดิต
เตรียมทุบกระปุกเก็บเงินให้กับของเล่นชิ้นใหม่อย่าง Smart Watch กันครับ 😀
ข้อมูลน่าสนใจเกียวกับ iWatch ดูเพิ่มเติมได้ที่ http://www.techradar.com/ และ http://www.macrumors.com