ควรเปลี่ยนยางรถยนต์เมื่อไร






   ควรเปลี่ยนยางรถยนต์เมื่อไรดี

เป็นคำถามที่คนขับรถหลายๆคนสงสัย ถ้าเปลี่ยนเร็วก็เปลือง ช้าไปก็กลัวอันตราย เรามักจะได้รับคำแนะนำจากช่างว่าให้เปลี่ยนทุกๆ 2 ปี หรือที่ระยะ 50,000 กิโลเมตร แต่ผู้ผลิตยางรายใหญ่ๆอย่างเช่น มิชลิน หรือ บริดสโตน ไม่ได้ระบุเช่นนี้ โดยในปัจจุบัน ยางบางรุ่นผู้ผลิตระบุว่าสามารถใช้งานได้ถึง 100000 กิโลเมตรแล้วด้วย ในการใช้งานจริงๆ คงไม่สามารถใช้ระยะทางมาเป็นเกณฑ์อย่างเดียวได้ เนื่องจากสภาพถนน ความเร็ว การบรรทุก พฤติกรรมการขับของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ซึ่งสาเหตุเหล่านี้มีผลต่ออายุการใช้งานของยางรถยนต์ทั้งสิ้น

จากการศึกษาคำแนะนำของผู้ผลิตยาง พอสรุปปัจจัยที่ควรเปลี่ยนยางได้ดังนี้

1. ควรเปลี่ยนยางเมื่อดอกยางสึกถึงสะพานยาง (เหลือความลึกดอกยางประมาณ 1.6 มม) สามารถสังเกตง่ายๆได้จาก จุดสามเหลี่ยมเล็กๆ 6 จุดบนไหล่ยางแต่ละด้านเมื่อเจอสัญลักษณ์นี้แล้ว ให้มองตรงขึ้นไป ที่หน้ายาง และมองลึกลงไปที่ร่องดอกยาง ก็จะพบสันนูนที่ร่องยาง ซึ่งเรียกว่า สะพานยางและเมื่อไหร่ที่ดอกยางสึก ไปถึงสะพานยาง นั่นแสดงว่ายางหมดอายุการใช้งาน ก็ควรเปลี่ยนยางเส้นใหม่ได้ทันที ไม่ควรใช้งานต่อ เนื่องจากอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ โดยเฉพาะการขับขี่รถยนต์บนพื้นถนนที่เปียกลื่น จะทำให้รถยนต์เสียการทรงตัวบนท้องถนน

ยาง
2. ควรเปลี่ยนเมื่อยางที่ได้รับความเสียหายจากเหตุใดเหตุหนึ่งดังต่อไปนี้ ไม่สามารถซ่อมแซมได้

  • การถูกบาดตำบริเวณแก้มยาง
  • เส้นลวดบริเวณขอบยางแทงทะลุออกมาด้านนอก หรือบิดเบี้ยวเสียรูป
  • เนื้อยางหรือเส้นใยโครงสร้างยางแยกตัวออกจากกัน
  • เกิดรอยยับ/พับที่เนื้อยางหรือเส้นใยโครงสร้างยาง
  • ยางได้รับความเสียหายจากสารไฮโดรคาร์บอน หรือจากการกัดกร่อนของสารเคมีหรือสารอื่นใด
  • เนื้อยางภายในท้องยางได้รับการเสียดสีหรือสึกหรอ เนื่องจากการใช้ความดันลมยางที่อ่อนเกินไปหรือไม่

หากมีเหตุดังที่กล่าวมาทำให้ต้องเปลี่ยนยางก่อนอายุ เพื่อให้ประสิทธิภาพการใช้งานของยางทุกเส้นใกล้เคียงกัน ควรเปลี่ยนยางครั้งละ 2 เส้นในเวลาเดียวกันและยางเส้นใหม่ควรติดตั้งที่ตำแหน่งล้อขับเคลื่อนหลัก

3. ควรเปลี่ยนเมื่อยางเมื่อยางเสื่อมสภาพ
ผุ้ขับต้องหมั่นตรวจสอบสภาพภายนอกของยาง การรั่วซึมของลมยาง และสิ่งผิดปกติต่างๆ เช่น การสั่นสะเทือนของยาง ยางมีเสียงดัง ยางดึงซ้าย-ขวา เป็นต้น หรือหากเกิดการบวมล่อนขึ้น บริเวณส่วนใดส่วนหนึ่ง เช่น ที่หน้ายาง หรือ ไหล่ยาง อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าถึงเวลาที่ท่านจะต้องเปลี่ยนยางใหม่แล้ว

ผู้ผลิตยางอย่าง มิชลินแนะนำว่า หากใช้งานยางมากกว่า 5 ปีนับจากวันผลิตแล้ว คุณควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจสอบสภาพยางดังกล่าวเป็นประจำทุกปี (ข้อนี้ถ้าไปถามร้านยาง แน่อนว่าต้องแนะนำให้เปลี่ยนเลยแน่ๆ 😀 คงหาผู้เชี่ยวชาญในเมืองไทยยากสักหน่อย หากขับรถเร็ว หรือบรรทุกหนัก เปลี่ยนทุก 5 ปี ก็น่าจะดี )

ในกรณีที่คุณได้ใช้ยางดังกล่าวมากว่า 10 ปีนับจากวันผลิตแล้ว คุณจะต้องเปลี่ยนยางใหม่ในทันที แม้จะปรากฏว่ายางดังกล่าวยังคงมีสภาพดีและไม่สึกถึงสัญลักษณ์บอกระดับความลึกของร่องดอกยางก็ตาม




อ้างอิง

วิธีการอ่านข้อมูลที่แก้มยางรถยนต์

http://www.michelin.co.th/

http://www.bridgestone.co.th/

http://www.goodyear.co.th/

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *